แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังจาก อาร์เซน่อล บุกไปแพ้ให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยการคว้าแชมป์ลีกหนนี้ของ “เรือใบสีฟ้า” ยังเป็นการคว้าแชมป์หนที่ 5 จาก 6 ฤดูกาลหลังสุด ซึ่งในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ของแมนฯ ซิตี้ ครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยหลากหลายเหตุผล บทความนี้เราหยิบยกมา 4 เหตุผล จะมีเหตุผลข้อใดบ้างไปดูกันเลย

เหตุผลที่ 1 : การมาถึงของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ชายที่ชื่อว่า “เออร์ลิง เบราท์ ฮาลันด์” ได้เข้ามาเป็นขวัญใจคนใหม่ของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเสียแล้วซึ่งว่ากันว่า เขานี่แหละ คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตามหาเพื่อที่จะพา ทัพเรือใบสีฟ้า ต่อยอดความสำเร็จทั้งการครองแชมป์พรีเมียร์ลีก และแล่นไปสู่จุดหมายใหม่ของทีม นั่นก็คือการคว้าถ้วย “แชมป์เปี้ยนส์ลีก” โดย ฮาลันด์ ตะบันไป 36 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีก นำเป็นดาวซัลโวขณะนี้ และ 52 ประตู รวมทุกรายการให้กับ แมนฯ ซิตี้ รวมถึงพาทีมทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมา

เหตุผลที่ 2 : ขนาดและคุณภาพของทีม

ในเกมที่พบกับ เชลซี ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทีมถือโอกาสพักแข้งบรรดาตัวหลักของทีมไว้ที่ม้านั่งสำรอง และเปิดโอกาสให้ตัวสำรองและดาวรุ่งในทีมได้ลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น สเตฟาน ออร์เตก้า ผู้รักษาประตูมือสอง, คาลวิน ฟิลลิปส์, ริโก้ ลูอิส, เซร์คิโอ โกเมซ, โคล พาลเมอร์ และ ฮูเลียน อัลวาเรซ ซึ่งผู้เล่นตัวสำรองเหล่านี้สามารถทดแทนผู้เล่นตัวหลักได้แบบไม่เหลื่อนล้ำ จากผลสกอร์จบเกมที่ แมนฯ ซิตี้ ชนะ เชลซี ไป 1-0 รวมถึงการลงมาทำหน้าที่ทดแทนของแข้งสำรอง แมนฯ ซิตี้ ตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แฟนบอลฮือฮานั้นคือบรรดาตัวหลัก 9 คนที่ไปนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองในเกมกับ เชลซี เมื่อคืนนี้ มีมูลค่ารวมกันสูงถึง 477.3 ล้านปอนด์ หรือราว 20,396 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยคนที่มีค่าตัวแพงที่สุดคือ แจ็ค กรีลิช กองกลางทีมชาติอังกฤษที่ แมนฯ ซิตี้ ซื้อมาจาก แอสตัน วิลล่า เมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,273 ล้านบาท นั่นก็พอบ่งบอกได้ถึงขนาดของทีม แมนฯ ซิตี้ ที่ใหญ่จริงและพร้อมไล่ล่าความสำเร็จในทุกรายการที่พวกเขาลงแข่งขัน

เหตุผลที่ 3 : อาร์เซน่อลหลุดโค้งสุดท้าย

อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก มาโดยตลอดซึ่งกินเวลาไปถึง 248 วัน จนได้รับสถิติที่ว่า เป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกด้วยระยะเวลายาวนานที่สุดที่ไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้โดยพวกเขามีจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม นั่นคือในช่วงโค้งสุดท้าย ที่ทำผลงานสะดุดในช่วง 8 นัดหลังสุด ด้วยการเก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัด เสมอ 3 นัด และแพ้ไปถึง 3 นัด ทำให้เสียแชมป์ไปให้กับ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังคงเดินหน้าเก็บชัยชนะไปครองได้ 12 นัดติดต่อกัน

สิ่งนี้อาจบอกเราได้ว่า การจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นอกจากทีมจะต้องเตรียมในเรื่องสภาพร่างกายของผู้เล่นให้พร้อมตลอดทั้งฤดูกาลแล้ว ในเรื่องความพร้อมของสภาพจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงท้ายฤดูกาลที่แต่ละเกมนั้นเต็มไปด้วยความกดดันเมื่อทีมที่กำลังไล่ตามคุณคือทีมเลือดเย็นอย่าง แมนฯ ซิตี้ ดังเช่นที่ อาร์เซน่อล ต้องพบเจอในฤดูกาลนี้

เหตุผลที่ 4 : ความยอดเยี่ยมของ เป๊ป กวาดิโอล่า

แม้จะเป็นทีมที่ใช้เงินซื้อนักเตะมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่เราไม่สามารถปฏิเสธฝีมือการคุมทีมฟุตบอลของ เป๊ป กวาดิโอล่า ได้เลย เขายังคงคิดค้นรูปแบบการเล่นใหม่ๆ ให้กับทีมอยู่เสมอ และการพยายามคิดค้นไอเดียใหม่ๆ โดยการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นบางรายจนสามารถดึงคุณสมบัติจากผู้เล่นเหล่านั้นออกมาเพื่อสร้างประโยชน์แก่ทีมได้อย่างสูงสุด

อาทิ นักเตะกองหลังอย่าง จอห์น สโตน ที่ถูกขยับขึ้นมายืนทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ในช่วงปลายฤดูกาล
สิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ของ เป๊ป กวาดิโอล่า นี้เอง ที่เป็นหัวใจสำคัญที่ส่งให้ แมนฯ ซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด และแน่นอนว่าเขายังคงเป็น 1 ในผู้จัดการยอดเยี่ยมของโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน

188BET ทางเข้า (ล่าสุด)